48757 จำนวนผู้เข้าชม |
ในท้องทะเลธรรมชาติ น้ำทะเลจำนวนมหาศาลจะมีระบบหมุนเวียนถ่ายเทตามวัฒจักรของธรรมชาติตลอดเวลา จึงสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีความสุข แต่ในทางกลับกันในระบบปิดซึ่งปริมาณน้ำทะเลนั้นมีอยู่อย่างจำกัด แต่มีสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มากมาย ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นโรงงานผลิตของเสีย และสิ่งปฎิกูลต่าง ๆ ออกมาตลอด 24 ชั่วโมง การที่จะทำให้น้ำนั้นมีคุณภาพดีอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเลี้ยงตู้ทะเลทุกท่าน ในปัจจุบันนี้ระบบการกรองต่าง ๆ สำหรับตู้ทะเล มีออกมาวางจำหน่ายกันอยู่เต็มท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น โปรตีนสกิมเมอร์ ยูวี โอโซน ถ่านคาร์บอน ตัวกำจัด Po4และซิลิเกต อีกทั้งเครื่องกรองต่าง ๆ คำถามที่เกี่ยวกับอุปกรณ์กรองเหล่านี้มักเป็นคำถามยอดฮิตที่พบบ่อยจากนักเลี้ยงหลายท่าน หรือผู้ที่กำลังคิดอยากจะเริ่มเลี้ยงตู้ทะเล ไม่ว่าจะเป็น “อะไรจำเป็นที่สุด?” “อะไรไม่ต้องใส่ก็ได้?”“ใส่อันนี้แล้วดีไหม?”“อันโน้นต่างจากอันนี้อย่างไร?” ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงระบบการกรองพื้นฐานหลัก ๆ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเลี้ยงตู้ทะเลอย่างคร่าว ๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ระบบกรองพื้นฐานสำหรับตู้ทะเลสามารถแยกออกเป็นหมวดหมู่ได้สามหมวดใหญ่ ท่านสามารถเลือกได้ว่าระบบใดเหมาะสมกับตู้ของท่าน หรือบางตู้อาจจะเหมาะสำหรับการรวมทั้ง 2-3 ระบบเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละตู้ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันในแต่ละระบบ ระบบกรองขั้นพื้นฐานที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ คือ Mechanical filter ระบบการกรองโดยเครื่องกรอง, Chemical filter ระบบการกรองทางเคมี และ Biological filter ระบบการกรองแบบชีวภาพ ***Mechanical filtration*** ระบบกรองโดยการใช้เครื่องกรองสำหรับตู้ปลาชนิดต่าง ๆ ท่านสามารถเห็นเครื่องกรองที่ผลิตมาเพื่อการกรองสิ่งสกปรกและเศษอาหารตกค้างต่าง ๆ รวมถึงฝุ่นละอองต่าง ๆ ในน้ำที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งเครื่องกรองเหล่านี้ มีวางจำหน่ายอยู่มากมายตามท้องตลาด สนนราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลายหลัก เครื่องกรองเหล่านี้ หน้าที่หลักของมันคือการกรองเอาเศษสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้ละลายไปกับน้ำออกจากระบบ ระบบเครื่องกรองอาจมีง่าย ๆ เพียงแค่การใช้ใยกรองหรือใยแก้วในการเอาสิ่งสกปรกที่มีขนาดใหญ่กว่ารูในใยกรองออกมาจากน้ำ หรือบางชนิดอาจทำโดยให้น้ำไหลผ่านทรายหยาบ การกรองด้วยวิธีเหล่านี้ หัวใจหลักก็คือ การนำเอาฝุ่นละอองหรือเศษอาหารต่าง ๆ ที่ตกค้างจากระบบออกจากน้ำ ก่อนที่เศษสิ่งเหล่านี้จะหมักหมมและก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ แต่ปัจจุบัน นักเลี้ยงมืออาชีพทั้งในและต่างประเทศพบว่า การกรองด้วยระบบนี้ ไม่มีความจำเป็นต่อตู้ทะเลเลย เนื่องจากในระบบตู้ทะเลส่วนใหญ่จะเรียกได้ว่าเป็นระบบนิเวศน์เล็ก ๆ ในตู้ทะเลจะมีสัตว์ใหญ่น้อยหลายชนิด เศษอาหารเล็ก ๆ หรือฝุ่นต่าง ๆ จะสามารถหมดไปด้วยการจัดการของนักทำความสะอาดทั้งหลายในระบบ ไม่ว่าจะเป็น หอย ปูเสฉวน กุ้ง ปลาดาว และปลาที่กินเศษอาหารตามพื้น นักเลี้ยงหลายท่านยังมีความเชื่ออีกว่าเศษฝุ่นละอองเล็ก ๆ เหล่านี้ยังคงมีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์อยู่ไม่มากก็น้อย อีกทั้งสัตว์ประเภทกรองน้ำกินเป็นอาหารยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ มากไปกว่านั้นการใช้ระบบเครื่องกรอง ยังจะกรองเอาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แพลงตอนพืชหรือสัตว์ พ็อตสายพันธุ์ต่าง ๆ ออกไปจากระบบด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์ต่อระบบตู้ทะเลเป็นอย่างมาก แต่ที่แย่ไปกว่านั้น เศษสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ตามใยกรองหรือเครื่องกรองยังเพิ่มความยากลำบากในการทำความสะอาดให้แก่ท่านอีกด้วย และถ้าท่านไม่ทำความสะอาด เศษสิ่งเหล่านั้นจะหมักหมม และก่อตัวจนกลายเป็นพิษต่อน้ำอีกด้วย ดังนั้นการกรองด้วยใยกรองหรือเครื่องกรองต่าง ๆ จึงไม่เป็นที่นิยมในระบบตู้ทะเล ***Chemical filter*** ระบบการกรองทางเคมี ระบบกรองชนิดนี้จะอาศัยหลักของปฏิกริยาทางเคมีของสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารชนิดหนึ่งเพื่อดูดซับสารอีกชนิดเช่นการใช้ถ่านคาร์บอนหรือ สารดูดซับฟอสเฟสและซิลิเกต การทำให้สารจับตัวกันเป็นฟองและนำออกจากระบบ (Form fractioning) เช่นการใช้โปรตีนสกิมเมอร์ การกรองแบบเคมี ยังรวมไปถึงการใช้โอโซน และยูวีในการเพิ่มคุณภาพน้ำในระบบ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในระบบ ไม่ว่าจะเป็นปลา ปะการัง หรือแม้แต่แบคทีเรีย จะปล่อยของเสียต่าง ๆ ออกมาตลอดเวลา ของเสียเหล่านี้รวมถึงสารอินทรีย์ ประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรท และอื่น ๆ อีกมากมายที่ขับออกมาในลักษณะของเมือก หรือรวมอยู่ในอุจจาระที่ถูกขับถ่ายออกมาในแต่ละวัน ของเสียประเภทนี้จะละลายและเจือปนอยู่ในน้ำ (Dissolved organic compound DOC) การใช้เพียงแค่ระบบกรองแบบชีวภาพ หรือเครื่องกรองน้ำสำหรับตู้ปลานั้น ไม่สามารถทำให้สารเหล่านี้หลุดออกไปจากน้ำได้ ระบบกรองทางเคมีอย่างง่ายที่สุดที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ก็คือ การใช้ถ่านคาร์บอนเพื่อดูดซับสารที่ไม่ต้องการรวมไปถึงสิ่งมีพิษและของเสียต่าง ๆ ถ่านคาร์บอน หรือ Activated carbon จะผ่านกระบวนการความร้อนสูงมากเพื่อให้เกิดรูพรุนเล็ก ๆ หลายพันล้านรู เพื่อที่จะจับหรือดูดซับของเสียเหล่านี้ออกจากน้ำในระบบ ถ่านคาร์บอนส่วนใหญ่มักจะใช้กรดฟอสฟอริค(Phosphoricacid)ในกระบวนการของการผลิต ซึ่งกรดเหล่านี้ ทำให้ถ่านคาร์บอนหลายชนิดมีฟอสเฟสเจือปน และสามารถกลับลงไปยังน้ำในตู้ของท่านได้ ซึ่งจะนำปัญหาฟอสเฟสและปัญหาตระไคร่ต่าง ๆ มาสู่ระบบของท่าน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ท่านควรจะเลือกใช้แต่ถ่านคาร์บอนที่มีคุณภาพสูง และเป็นถ่านคาร์บอนสำหรับตู้ทะเล ซึ่งจะมีการเจือปนของฟอสเฟสที่น้อยมากหรือไม่มีเลย หากท่านคิดที่จะใช้ถ่านคาร์บอนคุณภาพอื่น เราขอแนะนำให้ท่านไม่ใส่เลยจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เนื่องจากของเสียที่ถ่านดูดออกไปยังมีปริมาณน้อยกว่าของเสียที่ถ่านเหล่านั้นปล่อยกลับเข้ามาในระบบ ในท้องตลาด ระบบกรองทางเคมีที่ทำหน้าที่คล้ายถ่านคาร์บอน (ดูดซับสิ่งที่ไม่ต้องการ) ยังมีอีกมากมาย แต่จะเป็นสารที่ถูกทำออกมาเพื่อดูดซับสารพิเศษอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟอสเฟสหรือซิลิเกต หรือที่เราเรียกกันว่าตัวกำจัดฟอสเฟส (Po4 remover) การใช้สินค้าเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมาก ถ้าหากท่านรู้ถึงวิธีใช้อย่างถ่องแท้และเลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การใช้สิ่งของเหล่านี้เป็นเพียงแค่การรักษาความปลอดภัยในระบบ ท่านไม่ควรที่จะพึ่งพาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มากจนเกินไป หากไม่มีความจำเป็น ระบบกรองทางเคมีอีกชนิดที่เราจะกล่าวถึงก็คือ โปรตีน สกิมเมอร์ (Foam fractionators) นักเลี้ยงส่วนใหญ่อาจคิดว่าโปรตีนสกิเมอร์ ไม่ใช่การกรองทางเคมี แต่ในความเป็นจริงแล้วโปรตีนสกิมเมอร์คือ ระบบกรองทางเคมีตัวเก่งชนิดหนึ่ง หน้าที่ของโปรตีนสกิมเมอร์ ก็คือการกระตุ้นให้สารต่างๆทำปฏิกริยากับฟองอากาศแล้วรวมตัวกันจนเกิดเป็นฟองแล้วค่อยๆล้นออกไป ดังนั้นการเลือกใช้โปรตีนสกิมเมอร์จึงเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ท่านจะมองข้ามไม่ได้ (ซึ่งประเภทของโปรตีนสกิมเมอร์และการเลือกใช้โดยละเอียดจะกล่าวในบทความต่อไป) หากกล่าวอย่างคร่าว ๆ ท่านควรจะเลือกใช้โปรตีนสกิมเมอร์ ที่มีขนาดพอเพียงกับน้ำในระบบของท่าน ท่านอาจศึกษาจากคู่มือการใช้ หรือถามจากผู้ขาย หรือผู้ใช้ที่มีความน่าเชื่อถือ มากไปกว่านั้นท่านควรใช้โปรตีนสกิมเมอร์ที่สามารทำการถอดล้างได้ง่าย ไม่ใช่เพียงแค่ฝาเก็บของเสียเท่านั้น ท่านควรทำการล้างทั้งตัวของโปรตีนสกิมเมอร์นี้เป็นประจำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน อีกหนึ่งรูปแบบของการกรองทางเคมีคือ การใช้ โอโซน(O3 Ozone) ก๊าซโอโซนถูกใช้ในวงการของการทำความสะอาดน้ำมาเป็นระยะเวลานาน สำหรับการใช้โอโซนกับระบบตู้ทะเลนั้น นักเลี้ยงส่วนใหญ่นิยมติดหัวจ่ายโอโซนไว้กับท่อดูดอากาศของโปรตีนสกิมเมอร์ เนื่องจากเมื่อโปรตีนสกิมเมอร์ทำการดูดโอโซนเข้าไปในตัวเครื่องแล้ว โอกาศของการที่โอโซนจะสัมผัสกับน้ำนั้นจะมีได้มากขึ้น และยังทำให้เกิดฟองอากาศเพิ่มมากขึ้นในตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งหมายถึงเครื่องจะทำงานได้ดีขึ้นด้วย การทำงานของโอโซนคือ การ “เผา” และทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของแบคทีเรีย รวมไปถึงไวรัส และโปโตรซัวต่าง ๆ การใช้โอโซนจะมีประโยชน์อย่างยิ่งหากท่านใช้อย่างถูกวิธี น้ำในระบบจะใสขึ้นอย่างชัดเจน มีผลให้แสงสามารถส่องผ่านลงไปหล่อเลี้ยงปะการังที่ต้องการแสงต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังสามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เจือปนมากับน้ำในระบบได้อีกด้วย ระบบกรองทางเคมีชนิดสุดท้ายที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้คือ ยูวี (Ultraviolet Sterilization) หลักการทำงานของยูวีคือการ ทำลายสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แบคทีเรีย เชื้อโรคต่าง ๆ หรือแม้แต่ปรสิต ที่ผ่านเข้าไปโดนลำแสงของยูวี ลำแสงนี้จะทำการทำลายดีเอ็นเอของสิ่งที่ผ่านเข้ามา วิธีการใช้ยูวีเพื่อควบคุมโรคต่าง ๆ ในระบบเป็นอีกวิธีที่ดีในการรักษาคุณภาพน้ำ เนื่องจากลำแสงนี้จะให้โทษต่อสิ่งที่ติดไปกับน้ำแล้วเข้าไปในท่อที่มีลำแสงเท่านั้น โดยไม่มีสารตกค้างใด ๆ กลับออกมา แต่ในทางกลับกัน ยังมีบางทฤษฎีที่ไม่สนับสนุนการใช้วิธีนี้เนื่องจากกลัวว่า ลำแสงเหล่านี้จะสามารถทำแลงแพลงตอน รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ไปด้วย ทั้งนี้ท่านควรทำการศึกษาวิธีใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้ดีก่อนนำไปใช้ ท่านจะได้รับประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดถ้าหากท่านใช้อย่างถูกวิธี ***Biological filter*** การกรองแบบชีวภาพ กล่าวโดยง่าย ระบบนี้คือการเปลี่ยนของเสียที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในตู้ จากของเสียที่มีความเป็นพิษสูงให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต ผู้ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบนี้คือ แบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในตู้ทะเลของท่าน ดังนั้นกุญแจหลักที่สำคัญที่ท่านจะต้องคำนึงถึงก็คือ เราจะทำให้แบคทีเรียดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะทำอย่างไรให้แบคทีเรียผู้มีพระคุณเหล่านี้สามารถอยู่อาศัยเจริญเติบโต และขยายจำนวนได้ดีในระบบตู้ทะเลของเรา อุปกรณ์สำหรับระบบกรองชีวภาพ ก็มีจำหน่ายอยู่มากมายในท้องตลาด แต่ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชนิดใด ราคาเท่าไหร่ จุดประสงค์หลักของอุปกรณ์เหล่านี้คืออะไร การเป็นบ้านให้กับแบคทีเรียนั้นท่านจะสามารถอ่านเห็นข้อความโฆษณาตามข้างกล่อง ว่ามีพื้นผิวจำนวนมาก สามารถเป็นที่อยู่ให้กับแบคทีเรียได้หลายแสนหลายล้านตัว แบคทีเรียเหล่านี้จะทำหน้าที่ย่อยสลายแอมโมเนีย และของเสียต่าง ๆ ให้กลายเป็นสิ่งที่มีพิษน้อยลง หรือที่เราเรียกว่าวงจรไนโตรเจน ในความเป็นจริงแล้ว การกรองแบบชีวภาพสามารถทำให้เกิดขึ้นในระบบได้ง่าย โดยที่ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับอุปกรณ์เหล่านี้เลย เนื่องจากในระบบของท่าน มีหินเป็นและทรายเป็น ซึ่งก็เพียงพออยู่แล้วสำหรับการมีพื้นผิวที่จะพอกับการเป็นบ้านของแบคทีเรียต่าง ๆ ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ เศษปะการัง ไบโอบอล หรืออุปกรณ์กรองสำหรับสร้างพื้นผิวให้กับแบคทีเรีย การใส่เศษปะการังในตู้กรอง หรือเพื่อเป็นการเพิ่มพื้นผิวให้กับแบคทีเรีย จะนำปัญหามาให้กับตู้ของท่านได้ในอนาคต ท่านลองสังเกตว่า การที่เรานำเศษปะการังต่าง ๆ มาใส่ไว้ในระบบ และเมื่อเวลาผ่านไป จะมีของเสียต่าง ๆ เข้าไปสะสมอยู่ตามเศษปะการังหรืออุปกรณ์กรองเหล่านั้น ของเสียเหล่านี้จะหมักหมมและคายพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ตู้ของท่านเกิดปัญหาได้ ในอนาคต สิ่งที่ท่านควรจดจำไว้เสมอสำหรับระบบการกรองแบบชีวภาพนี้คือ ระบบกรองชนิดนี้จะต้องใช้เวลาในการสร้างตัวของมันเอง ท่านไม่ควรเร่งรีบที่จะใส่สิ่งมีชีวิตลงไปในระบบขณะที่เพิ่งตั้งระบบได้ไม่นาน และท่านไม่ควรใส่สิ่งมีชีวิตครั้งละมาก ๆ ลงไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจาก ระบบการกรองชีวภาพนั้น จะไม่สามารถรับของเสียเพิ่มเข้าสู่ระบบมาก ๆ ในครั้งเดียว หากกล่าวให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น ระบบตู้ทะเลของท่านคือบ้านหลังหนึ่ง มีคนทำความสะอาดคือแบคทีเรียอยู่ 2 คน สองคนนี้สามารถทำความสะอาดบ้านของท่านได้ดีมาตลอด แต่มีวันหนึ่งท่านพาเพื่อนเข้ามาอยู่ในบ้านเพิ่มอีก 10 คน แต่คนทำความสะอาดมีเพียง 2 คนเท่าเดิม ซึ่งก็คงไม่สามารถรับมือกับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่คนจำนวนมากก่อเอาไว้ แต่ถ้าท่านค่อย ๆ พาเพื่อนเข้ามาทีละคน พนักงานทำความสะอาดสองคนนี้ก็จะค่อย ๆ ปรับตัวรับมือกับสิ่งที่จะต้องทำทีละน้อย หรือถ้าทำเพียงแค่สองคนไม่ไหวก็อาจจะหาคนอื่นมาช่วยกันทำเพิ่ม บ้านของท่านก็จะมีความสะอาดอยู่ตลอดเวลา และคนที่ทำความสะอาดก็จะมีการปรับตัวเพิ่มจำนวนรับมือกับจำนวนผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น การกรองแบบชีวภาพสามารถรวมไปถึงการปลูกสาหร่ายชนิดต่าง ๆ ในระบบ เปรียบได้เหมือนกับการปลูกต้นไม้ การปลูกสาหร่ายที่เรากล่าวถึงนี้คือการมีตู้แยก เพื่อการปลูกสาหร่ายโดยเฉพาะ ตู้ใบนี้จะมีแค่เพียงหิน ทราย สาหร่าย ไม่มีปลาหรือสัตว์ผู้ล่าต่าง ๆ ท่านอาจทำตู้สาหร่ายไว้ที่ตู้กรองล่าง หรืออาจจะต่อตู้เพิ่มเติมให้น้ำในระบบมีการถ่ายเทไปยังตู้สาหร่าย สาหร่ายเหล่านี้จะทำการดูดซึมของเสียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Po4 No2 No3เพื่อนำไปใช้เป็นอาหาร นอกจากนั้นเราจะสามารถนำสาหร่ายที่โตขึ้นไปเป็นอาหารให้กับปลา อีกทั้งในตู้สาหร่ายนี้จะยังเป็นแหล่งอนุบาลแพลงตอนต่าง ๆ เพื่อเป็นอาหารให้กับปะการังต่าง ๆ ได้อีกด้วย ระบบกรองแบบชีวภาพนั้นเป็นระบบกรองขั้นพื้นฐานสำคัญที่สุดที่ทุกตู้ควรจะต้องมี แต่ถึงอย่างไรก็ตามระบบกรองชนิดนี้เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถรองรับของเสียต่าง ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตู้ที่มีปะการังต่าง ๆ อาศัยอยู่ เนื่องจากสัตว์ประเภทนี้จะขับของเสียประเภทเมือก ซึ่งมีส่วนผสมของ โปรตีน คาร์โบไฮเดรท และสารต่าง ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบกรองชีวภาพเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ ระบบการกรองทั้งสามรูปแบบใหญ่ที่กล่าวถึงในบทความนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นเพียงการกล่าวถึงแบบคร่าว ๆ เพื่อเป็นการแนะนำ การกรองในแต่ละรูปแบบยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ท่านควรจะทำการศึกษาให้ละเอียดก่อนที่จะเริ่มต้น ท่านควรจะทำการศึกษาสิ่งที่ท่านต้องการจะเลี้ยงว่ามีความต้องการสิ่งใดและมากน้อยเพียงใด เพื่อให้สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของท่านได้มีความอุดมสมบูรณ์และมีความสุขกับบ้านที่อยู่อาศัย การเลี้ยงตู้ทะเลนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ถือว่าง่าย หากท่านทำการศึกษาและวางแผนการเริ่มต้นให้ตู้ของท่านให้ดีในตั้งแต่แรก ท่านจะสามารถลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการดูแลรักษาลงได้อย่างมหาศาล ท่านจะมีเวลาในการชื่นชมและได้รับความสุขจากตู้ทะเลของท่านได้อีกมาก References/Further reading
|